วิธี ขับรถเป็นเร็ว ขับรถเก่ง การฝึกพื้นฐานสำคัญอย่างการวิเคราะห์สถานการณ์ขณะขับขี่เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าไม่เคยฝึกแบบนี้ ขับทั้งชาติก็ไม่เก่ง ขับรถไม่เป็น แค่ขับได้ และมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุ
การฝึกพื้นฐานอาจจะน่าเบื่อ แต่อย่างน้อยก็ควรจะรู้ เพราะบางครั้ง อาจะมีภาระกิจสำคัญที่ต้องเดินทาง ซึ่งจะต้องขับรถอย่างระมัดระวังมากที่สุด การขับรถจึงต้องขับให้ปลอดภัย ไปถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ
รวมเทคนิคการฝึกวิเคราะห์สถานการณ์แบบต่างๆ
เทคนิคเหล่านี้หากฝึกปฏิบัติอยู่บ่อยๆ จะช่วยให้มือใหม่หรือแม้แต่มือเก่าที่ขับมานานก็ตาม สามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัย ขับรถเป็นเร็ว
เทคนิค 1
วิเคราะห์เหตุการณ์ผ่านกระจกหน้ารถ
ขณะขับรถ ก็จะมีคันอื่น มีรถหลายประเภท รถมอเตอร์ไซด์ รถบรรทุก รถเก๋ง รถกระบะ ซึ่งต้องฝึกวิเคราะห์สถานการร์ต่างๆ ว่าจะมีโอกาสเกิดเหตุอะไรขึ้นบ้าง เช่น กรณีถนนโล่งๆ แบบนี้ ก็ขับสบายๆ แต่เน้นให้ระยะห่างจากรถคันอื่นมากหน่อย วางตำแหน่งรถให้ห่างเพื่อความสบายในการขับ ฝึกมองไปไกลๆ หากขับเลนซ้ายสุดแบบนี้ หลุม บ่อ เยอะ เพราะรถใหญ่วิ่ง ต้องระวัง
การขับต่างจังหวัด หากเจอรถใหญ่ขับเรียงกันชิดขอบซ้อยแบบนี้ ให้ระวัง ข้างหน้าอาจจะมีด่าน ส่วนใหญ่จะเป็นแบบนั้น ถ้าจะต้องแซง ก็ให้ตีไฟเลี้ยวขวา อาจจะช่วยป้องกันได้ เพราะหากเจอขบวนรถบรรทุกหลายๆ คันแบบนี้ แซงยาก
12
เทคนิค 2
ทิ้งระยะห่างให้ปลอดภัยจากคันหน้าและคันหลัง
การขับรถตามกันหลายๆ คัน ต้องทิ้งระยะห่าง เพราะบางครั้ง เจอหลุม เจอบ่อ ของหล่น จะหลบไม่ทัน และต้องดูสภาพถนนด้วย หากเป็นลูกรัง หินคลุก อาจจะโดนก้อนหินที่ดีดจากรถใหญ่ทำให้กระจกหน้าแตก หรือถูกหม้อน้ำทะลุ อันตรายมาก
จากประสบการณ์ส่วนตัวที่เจอมา ก็คือศพที่อยู่บนถนน คนข้ามถนน ถูกรถ 18 ล้อ ชน บดขยี้ขาดครึ่งตัว ท่อนบนอยู่บนถนน ท่อนล่างติดอยู่ใต้ท้องรถ ผมขับรถผ่านพอดี โชคดีว่า ขับไม่เร็วจึงหลบทัน แต่อีกคันวิ่งเร็วมาก ชนเข้าเต็มๆ
ขับรถต่างจังหวัด หลุมบ่อเยอะ การขับรถตามๆ กัน ต้องทิ้งระยะห่างให้มากๆ พอสมควร เพื่อให้สามารถหลบ หลุม บ่อ ของหล่น บนถนน ได้ ดูภาพขณะจับตามรถใหญ่ ขับไปสักพัก รถใหญ่ก็หักหลบ เพราะมีหลุมข้างทาง หากขับจี้ตามติดๆ ส่วนใหญ่ไม่รอด การหักหลบกะทันหัน ทำให้เสียหลักได้ อันตรายอยู่ดี
เทคนิค 3
เลนสวนกัน ต้องใจเย็น
เลนสวนกัน และถนนค่อนข้างแคบแบบนี้ ไม่ควรแซง ช้าหน่อยไม่เป็นไร เลือกปลอดภัยไว้ก่อน เพราะไม่รู้ว่าจะมีรถสวนมาตอนไหน และต้องหมั่นสังเกตุการให้สัญญาญของรถคันหน้า โดยเฉพาะรถสิบล้อ หากสามารถแซงได้ ส่วนใหญ่มักจะตีไฟเลี้ยวซ้ายให้แซงได้ หากไม่ปลอดภัยห้ามแซงจะตีไฟเลี้ยวขวา ต้องหมั่นสังเกตุถนนแคบๆ แบบนี้ กรณีมีรถใหญ่สวนมา ส่วนใหญแล้วรถใหญ่จะไม่หลบ มีโอกาสประสานงาสูงมาก
เทคนิค 4
ฝึกสายตาหมั่นสังเกตุ 5 จุดสำคัญตลอดเวลา
ตำแหน่งสำคัญ 5 จุดที่ต้องเหลือบมองตลอดเวลาในขณะขับรถนั้น จะมีอยู่ 5 ตำแหน่งที่จะต้องเหลือบมองอยู่ตลอดเวลา และฝึกให้เป็นนิสัย
1. มองผ่านกระจกหน้า ดูรถด้านหน้า ฝึกวิเคราะห์สถานการณ์ในตัว ตำแหน่งรถห่างคันหน้าแค่ไหน ปลอดภัยหรือไม่ มีรถอะไรข้างหน้าบ้าง มีซอย มีแยก ฝึกวิเคราะห์สถานการณ์บ่อยๆ
2. ดูกระจกหลัง มีรถตามมาหรือไม่ ระยะห่างจากรถเรามากน้อยแค่ไหน บางคันชอบจี้ อาจจะขับหนีทิ้งระยะให้ปลอดภัย หรือไม่ก็หลบให้แซงไปเลย ดูรถคันหน้า คันหลัง ต้องมีระยะห่างพอสมควร เบรคแล้วปลอดภัย
3. ดูกระจกมองข้างฝั่งขวา เพื่อจะได้ดูว่ามีรถตามหลังหรือไม่ อยู่ตำแหน่งไหน
4. ดูกระจกมองข้างฝั่งซ้าย ดูรถที่ตามมาทางซ้ายมือ มีรถอะไรหรือไม่
5. ดูหน้าปัด ดูเข็มความร้อน ดูไฟเตือนต่างๆ หากเกิดปัญหาจะหยุดรถได้ทัน
เทคนิค 5
ปิดเพลง อย่าใช้โทรศัพท์ ตั้งสมาธิอยู่กับการขับอย่างเดียว
สำหรับมือใหม่เพิ่งฝึกขับรถ ขอแนะนำให้ปิดเพลง อย่าใช้โทรศัพท์ และตั้งใจฝึกพื้นฐานการขับในลักษณะนี้ให้คล่อง จะช่วยให้ขับรถเป็นเร็วมาก หากไม่ฝึกขับเป็นสิบปีก็ยังขับไม่เก่งอยู่ดี
เทคนิค 6
ขับรถใหญ่อย่าใจร้อน
การขับรถยนต์ ต้องใจเย็น ห้ามใจร้อน ใครจะแซง จะปาดหน้าอย่างไร ก็ปล่อยไป หากลองสังเหตุให้ดี จะพบว่า คันที่ปาดหน้าเรา สักพักก็จะโดนคันอื่นปาดหน้าเหมือนกัน เหมือนกรรมตามเร็วมาก คำนึงถึงความปลอดภัยให้มากๆ
เทคนิค 7
ต้องรู้สภาพรถของเรา ประกันภัยเป็นแบบไหน
ต้องรู้สภาพรถเรา มีประกันภัยแบบไหน ครอบคลุมแค่ไหน เช่น ประกันชั้น 3 ครอบคลุมค่าซ่อม กรณีขับรถไปชนคันอื่นแค่ 200,000 ต่อครั้ง ดังนั้นถ้าหากขับไปชนรถใหม่จนพัง มีค่าซ่อม 300,000 บาท ในส่วน 200,000 บาทแรกนั้น ประกันจะช่วยจ่าย แต่ส่วนเกิน ก็คือ 100,000 บาทที่เหลือนั้น เราต้องจ่ายเอง นี่คือเหตุผลที่ควรขับให้ห่างๆ รถแพงๆ เมื่อรู้ดังนี้แล้ว ก็เตือนใจตัวเอง อย่าได้ประมาท ทุกครั้งที่อยู่หลังพวงมาลัย
การฝึกแบบนี้ ค่อนข้างหน้าเบื่อ แต่หากฝึกจนติดเป็นนิสัยแล้ว ก็ยากจะเกิดอุบัติหตุ ซึ่งเรื่องนี้สำคัญมาก เรื่องรถอย่าได้ประมาท เพราะเป็นวัตถุขนาดใหญ่ที่เคลื่อนไหวได้ เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ก็ย่อมจะสร้างความสูญเสียตามความเร็วที่ใช้ เร็วมาก มีโอกาสเกิดการสูญเสียมาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น